ดัชนี CFD (Contract for Difference) หมายถึง สัญญาซื้อขายส่วนต่างบนดัชนีหุ้น ซึ่งสามารถสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของราคาดัชนีหุ้นและให้ผลกำไรหรือขาดทุนจากการเคลื่อนไหวของราคา
เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในหุ้นตัวเดียว ดัชนีหุ้นจะสะท้อนแนวโน้มของกลุ่มหุ้นที่มีผลการดำเนินงานดี โดยทำหน้าที่เป็นมาตรวัดสำหรับอุตสาหกรรมนั้นๆ หรือแม้กระทั่งเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เช่น ดัชนี DAX 30 ของเยอรมนี ซึ่งประกอบด้วยหุ้นบลูชิพ 30 ตัวแรกที่มีผลประกอบการดี สะท้อนถึงสถานการณ์โดยรวมของตลาดหุ้นเยอรมัน
การเทรดดัชนี CFD ช่วยให้สามารถลดความซับซ้อนในการประเมินหุ้นตัวเดียวได้ โดยการวิเคราะห์อารมณ์ตลาดโดยรวม ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงและหลีกเลี่ยงความผันผวนของราคาในหุ้นตัวเดียว ซึ่งจะทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้นในภาพรวม
ดัชนี CFD สามารถใช้ในการเทรดดัชนีหุ้นทั่วโลกได้
EBC คัดเลือกดัชนีหลักๆ จากทั่วโลก เช่น ดัชนีดาวโจนส์, ดัชนี DAX 30, ดัชนี STOXX 50, ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nikkei 225 เป็นต้น เพียงแค่มีบัญชี EBC บัญชีเดียว คุณก็สามารถเลือกเทรด ดัชนีได้ทั่วโลก นอกจากนี้ EBC พร้อมมอบการเทรดด้วยสเปรดต่ำและเลเวอเรจสูง เพื่อให้คุณประสบความสำเร็จในโลกการเทรด
ดัชนี CFD สามารถทำการซื้อขายดัชนีหุ้นทั่วโลก
EBC ให้เลเวอเรจสูงสุดถึง 100 เท่าสำหรับการเทรด ซึ่งดัชนี CFD มีอัตราเลเวอเรจสูงสุดที่อนุญาตให้ใช้ภายใต้ข้อกำหนดและข้อบังคับ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้เงินทุน
ดัชนีที่แตกต่างกันมีขนาดสัญญาที่แตกต่างกัน
EBC มี CFD สำหรับดัชนีหุ้นหลักทั่วโลก โดยมีขนาดสัญญาคือ 10 เช่น 100GBP (ดัชนี FTSE 100 ของสหราชอาณาจักร), 200AUD (ดัชนี S&P/ASX 200 ของออสเตรเลีย), CNIUSD (ดัชนี A50 ของจีน), D30EUR (ดัชนี DAX 30 ของเยอรมนี), E50EUR (ดัชนี STOXX 50 ของยุโรป), F40EUR (ดัชนี CAC 40 ของฝรั่งเศส), HSIUSD (ดัชนี 50 ของฮ่องกง), NASUSD (ดัชนี Nasdaq 100 ของสหรัฐฯ), และ U30USD (ดัชนีหุ้น 30 ของสหรัฐฯ) สำหรับ 225JPY (ดัชนี Nikkei 225) และ SPXUSD (ดัชนี S&P 500) มีขนาดสัญญาคือ 100
ขนาดสัญญาขั้นต่ำสำหรับ ดัชนี CFD คือ 0.1 lots
เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เงินทุน: โดยทั่วไปการเทรดดัชนีมักใช้เลเวอเรจที่ต่ำ แต่ ดัชนี CFD จะใช้เลเวอเรจที่ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม การใช้เลเวอเรจควรคำนึงความเสี่ยงเป็นหลัก
การซื้อขายได้ทั้งขาขึ้นขาลง: ดัชนีหุ้นสะท้อนทิศทางภาพรวมตลาดหุ้นผ่านดัชนี CFD และนักลงทุนสามารถทำการซื้อขายได้ทั้งขาขึ้นและขาลง เพื่อเปิดโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้น
การกระจายความเสี่ยง: ดัชนีหุ้นมักประกอบด้วยหุ้นที่มีความมั่นคงในตลาด การเคลื่อนไหวของหุ้นเพียงตัวเดียวอาจไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ ราคาดัชนี CFD ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เนื่องจาก ดัชนี CFD สะท้อนถึงแนวโน้มของกลุ่มหุ้น เราจึงควรให้ความสำคัญกับตลาดโดยรวมมากกว่าที่จะมองที่หุ้นรายตัว
โดยทั่วไปแล้ว ดัชนีหุ้นมีความสัมพันธ์โดยตรงกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ หากธนาคารกลางของประเทศหนึ่งใช้มาตรการนโยบายการเงินที่เข้มงวด ผู้คนจะเริ่มกังวลเกี่ยวกับการขาดสภาพคล่องในตลาด ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นลดลง เช่นเดียวกัน หากข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศไม่ดี จะส่งผลให้การลงทุนในตลาดลดลง และส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเช่นกัน